ลำไยปิงปอง
ให้ผลสองครั้งต่อปี
ลำไยปิงปอง
น้ำหนักผล 30 ลูกต่อกิโลกรัม
ใหนๆ
ก็เล่าถึงความเป็นมาของลำไยมานานแล้ว สำหรับบทความนี้ขอนำเสนอลำไยสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่
(เฉพาะในบ้านเรา) แต่ที่เวียดนามเขาทำเป็นธุรกิจและมีการพัฒนาสายพันธุ์ลำไย
จนมีขนาดผลเท่าลูกปิงปองและให้ฉายายลำไยสายพันธุ์นี้ว่า “ลำไยปิงปอง” คือเป็นลำไยที่มีผลขนาดใหญ่กว่าลำไยสายพันธุ์
“อีดอ” บ้านเรา ถึงเท่าตัวเลยทีเดียวครับ
ลำไยปิงปอง |
ลำไยปิงปอง
เป็นลำไยสายพันธุ์ที่มีการพัฒนา จนมีลักษณะผลใหญ่ขนาดเท่าลูกปิงปอง โดยน้ำหนักของผลลำไย
30 ผล หากนำมาชั่งจะได้ประมาณหนึ่งกิโลกรัม หากนำมาเปรียบเทียบน้ำหนักกับลำไยสายพันธุ์อีดอ
(เกรดเอหรือเกรดจัมโบ) ของบ้านเรา จะต้องใช้ลำไยพันธุ์อีดอถึง 70
ลูกจึงจะได้น้ำหนักหนึ่งกิโลกรัม ด้วยเหตุนี้เวียดนามจึงตั้งชื่อลำไยสายพันธุ์นี่ว่า
"ลำไยปิงปอง" และถือเป็นลำไยพันธุ์พื้นเมืองของเวียดนาม มีด้วยกันหลายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่มีลักษณะเด่นและถูกคัดเลือกมาจะมีเพียง
2 สายพันธุ์คือ ลำไยพันธุ์ปิงปอง กับลำไยพันธุ์พริกไทย
แต่ลำไยพันธุ์พริกไทยจะมีขนาดผลพอๆ กับลำไยพันธุ์อีดอของบ้านเรา แต่สำหรับลำไยปิงปองเป็นที่ยอมรับว่า
เป็นลำไยที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ คือจะมีรสหวานหอม มีลักษณะเนื้อหนา ไม่ฉ่ำน้ำ แต่เมล็ดจะเล็กพอๆกับลำไยพันธุ์พริกไทย
และที่สำคัญเป็นลำไยที่มีทรงพุ่มขนาดเล็กกะทัดรัด ทั้งทรงพุ่มและลักษณะใบจะคล้ายกับลำไยเครือหรือลำไยเลื้อยของไทยเรา
แต่ผลกลับใหญ่เท่าลูกปิงปองเลยทีเดียว และยังมีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ
เป็นลำไยที่มีกิ่งก้านเหนียวแข็งแรง เนื้อในจะเป็นสีเหลืองคล้ายน้ำผึ้ง
แต่แห้งไม่แฉะน้ำ และด้วยขนาดทรงพุ่มที่เล็ก
จึงทำให้ลำไยพันธุ์ปิงปองสามารถนำไปปลูกได้ในลักษณะระบบพุ่มชิด โดยใช้ระยะปลูกเพียง
4x4 เมตรเท่านั้น ซึ่งในพื้นที่หนึ่งไร่จะปลูกได้ถึง 100 ต้นเลยทีเดียวครับ
ลำไยปิงปอง เนื้อหนาแต่เมล็ดเล็กนิดเดียว |
สำหรับลำไยพันธุ์ปิงปอง
และพันธุ์พริกไทย เป็นลำไยที่ให้ผลผลิตตั้งแต่เริ่มปลูกเพียง
2 ปีแรก และจะออกดอกและติดผลปีละ 2 ครั้ง เป็นลำไยที่สามารถนำมาปลูกได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ภาคใต้
คือไม่จำเป็นต้องเลือกพื้นที่ปลูกที่มีอากาศหนาว เพื่อที่จะใช้ความหนาวเย็นกระตุ้นให้เกิดการสร้างตาดอก
เพราะลำไยของเวียดนามเป็นลำไยสายพันธุ์เมืองร้อนที่สามารถออกดอกและติดผลได้ตลอดปีโดยไม่เลือกฤดูกาล
เช่นเดียวกับลำไยพันธุ์เพชรสาครบ้านเรานั่นเองครับ และจุดเด่นที่สำคัญของลำไยทั้งสองสายพันธุ์นี้คือ
จะเป็นลำไยทะวาย ที่สามารถทำให้ดอกและติดผลได้ถึงปีละสองครั้งด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่ควั่นกิ่งเท่านั้น
โดยที่ไม่ต้องใช้สารบังคับแต่อย่างใด เพราะตามปกติแล้ว
ในการทำลำไยนอกฤดูเราจะใชสารโปรแตสเซียมครอเรท ซึ่งเป็นส่วนผสมของเชื้อประทุดินประสิวซึ่งมีผลต่อระบบรากของลำไยอย่างรุนแรงจนทำให้ลำไยออกดอกและติดผล
และจะทำให้ต้นลำไยมีโอกาสตายง่ายๆ
การให้ปุ๋ยบำรุงต้นลำไยปิงปอง
สำหรับการให้ปุ๋ยบำรุงต้นลำไยสายพันธุ์นี้
มีคำแนะนำว่าควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น ปุ๋ยไข่มุกสูตร 16-16-16 จะใส่ในช่วงเก็บผลผลิตและตัดแต่งกิ่งแล้ว และจะใส่ปุ๋ยอีกครั้งในช่วงก่อนลำไยออกดอก
1 เดือน ซึ่งจะใช้ปุ๋ยสูตร 12-24-12
หรือใช้ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ร่วมกับแคบลเซียมไนเตรทโบรอนสูตร 15-0-0 เป็นปุ๋ยเสริม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแก่ต้นลำไย ตลอดถึงเพิ่มความสมบูรณ์ให้ดอกและผล
แถมยังช่วยให้ต้นลำไยสามารถดูดซับธาตุอาหารอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ที่มา: คณะทรัพยากรธรรมชาติ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่